วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Posted by อาหารนานาชาติ สูตรฟิวชั่น | File under :



ต้มยำกุ้ง
ส่วนผสม
กุ้งขนาดกลาง                                                  6                 ตัว
เห็ดฟางหั่นครึ่ง                                               12                ดอก
พริกขี้หนู   ทุบพอแตก                                     3-5               เม็ด
ใบมะกรูดฉีก                                                    3                  ใบ
น้ำมะนาว                                                        2-3                ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา                                                            2-3               ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปไก่                                                           3                 ถ้วย (หรือน้ำเปล่า)
ผักชี สำหรับโรยหน้า
น้ำพรกเผา (กรณีต้องการทำเป็นต้มยำน้ำข้น)
ตะไคร้ 1 ต้น, หั่นเป็นท่อนขนาด 2" และทุบพอแหลก

 วิธีทำ
1. ล้างทำความสะอาดกุ้ง แกะเปลือกออกเหลือแต่หาง พักไว้ (ถ้าไม่มีน้ำซุปไก่ สามารถเอาหัวกุ้ง และเปลือกที่แกะ ไปต้มทำเป็น น้ำซุป จะทำให้ต้มยำมีรสกลมกล่อมขึ้น)
2. ตั้งน้ำซุป (หรือน้ำเปล่า) ในหม้อขนาดกลาง ใส่ตะไคร้ลงไปต้ม พอน้ำซุปเริ่มเดือด ใส่กุ้งและเห็ดฟาง ต้มต่อไปอีกสักพักจนกุ้งเกือบสุก จึงปิดไฟ ยกหม้อลง (อย่าให้กุ้งสุกมาก เนื้อจะแข็งกระด้าง ไม่อร่อย)
3. ปรุงรสด้วยพริก,น้ำมะนาวและ น้ำปลา จากนั้นจึงฉีกใบมะกรูดใส่ลงไป คลุกให้ทั่ว ชิมรสให้พอดี (ถ้าต้องการทำเป็นต้มยำน้ำข้น ก็ใส่น้ำพริกเผาลงไปด้วย)
4. ตักต้มยำใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชี เสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Posted by อาหารนานาชาติ สูตรฟิวชั่น | File under :




ข้าวมันไก่


 ส่วนผสมเครื่องปรุง
ไก่ 1 ตัว น้ำหนักประมาณ                           450             กรัม
ข้าวหอมมะลิ                                            5              ถ้วยตวง
กระเทียม  ปอกเปลือกและทุบ                        5               กลีบ 
ขิงขนาดปานกลาง  ปอกเปลือกและทุบ              1               ชิ้น
เกลือ                                                    1               ช้อนโต๊ะ
ผักชี  สำหรับแต่งหน้า

ส่วนผสมเครื่องปรุงน้ำจิ้ม
เต้าเจี้ยว                                              1/2               ถ้วยตวง
ซิอิ๊วขาว                                              1/2               ถ้วยตวง
ซิอิ๊วดำ                                                1/4              ถ้วยตวง
น้ำตาล                                                1/2              ถ้วยตวง
ขิงสดหั่นละเอียด                                     1/4              ถ้วยตวง
กระเทียมหั่นละเอียด                                 1/4              ถ้วยตวง
พริกขี้หนูหั่นละเอียด                                   6                เม็ด


 วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ต้มไก่ในหม้อใบใหญ่ ใส่น้ำพอท่วมตัวไก่ และเติมเกลือ 1 ช้อนโต๊ะลงไปด้วย
2. ต้มไก่จนไก่สุกทั่่ว ระหว่างต้ม ตักฟองและไขมันที่ลอยหน้าออกเพื่อไม่ให้อาหารมันมาก
3. นำไก่ออกมาจากหม้อ และหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จัดเรียงไว้ในจานพร้อมเสริฟ
4. ในหม้อหุงข้าว, เติมข้าวหอมมะลิ 5 ถ้วยตวง และเติมน้ำซุปไก่ (ที่ได้จากการต้มไก่) ลงไปในหม้อ     ตามระดับที่กำหนดไว้สำหรับข้าวห้าถ้วยตวง จากนั้นใส่กระเทียมและขิง จึงเปิดสวิชต์ให้หม้อหุงข้าว     ทำงาน รอจนข้าวสุก
5. ขณะที่รอข้าวสุก เตรียมทำน้ำจิ้มข้าวมันไก่ โดยผสมซิอิ๊วขาว, ซิอิ๊วดำ, เต้าเจี้ยว, น้ำตาล                 กระเทียม, ขิงและพริกขี้หนูเข้าด้วยกัน จากนั้นจึงตักใส่ถ้วยน้ำจิ้ม

6. เสริฟข้าวมันกับไก่ที่หั่นไว้แล้วพร้อมน้ำจิ้ม และแตงกวาซอย (บางกรณีถ้าชอบ อาจใส่เลือดไก่           เข้าไปด้วย)

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Posted by อาหารนานาชาติ สูตรฟิวชั่น | File under :





โรคภูมิแพ้อากาศ

                                               ลักษณะใดถึงเรียกว่าโรคภูมิแพ้
            โรคภูมิแพ้อาจมีอาการได้หลายอย่างแม้ว่าอาการจะดูต่างกัน แต่ก็มีกระบวนการเกิดแบบเดียวกัน ได้แก่  
            - จมูกอักเสบเนื่องจากการแพ้หรือโรคแพ้อากาศ โดยผู้ป่วยจะมีอาการ คัดจมูก จาม 
คันจมูก น้ำมูกไหล น้ำมูกไหลลงคอ  อาการดังกล่าวอาจเกิดตามฤดูกาลในช่วงที่มีเกสรดอกไม้มาก ๆ ซึ่งพบได้น้อย หรืออาจมีอาการตลอดทั้งปีก็ได้
            - เยื่อบุตาอักเสบเนื่องจากการแพ้ โดยจะมีอาการคันรอบ ๆ ตา หนังตาด้านในแดง น้ำตา
ไหล หนังตาบวม
            - ผื่นแพ้พันธุกรรม มีอาการคือ ผิวหนังบริเวณข้อศอก หัวเข่าและข้อพับต่าง ๆ มีลักษณะ
แดง แห้งและคัน มักพบมากในเด็กเล็ก
            - ผื่นลมพิษ ผิวหนังมีลักษณะคัน บวม นูนหนา
            - อาการแพ้เฉียบพลัน มีอาการหน้าแดง เยื่อบุจมูกบวม คัด เกิดการบวมของเนื้อเยื่ออ่อน
ใต้ผิวหนัง มีผื่นลมพิษ คลื่นไส้อาเจียน หายใจมีเสียงวี๊ด ถ้าเป็นมากอาจมีความดันตก เป็นอันตรายถึงชีวิต

                           อากาศเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดปัญหาที่เรียกว่าแพ้อากาศได้อย่างไร
            ผู้ป่วยที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้จะมีปัญหาเรื่องการปรับตัวของเยื่อบุจมูก คือจมูกจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ปรับตัวไม่ค่อยได้ ไม่ว่าจะเป็นอากาศร้อนหรือเย็น ความชื้นของอากาศตลอดจนกลิ่นฉุนสิ่งระคายเคืองต่าง ๆ จึงมักเรียกกันว่า โรคแพ้อากาศ  โรคนี้พบได้ทุกเพศทุกวัย พบประมาณร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งผู้ป่วยประมาณร้อยละ 70 จะมีอาการก่อนอายุ 30 ปี  
                    จะทราบได้อย่างไรว่ามีปัญหาเรื่องการแพ้อากาศ ลักษณะอาการที่ผิดปกติ
            ผู้ป่วยจะมีอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันจมูก ชอบขยี้จมูกจนเกิดรอยบริเวณสันจมูก มีเสมหะในคอ เลือดกำเดาไหลบ่อย และอาจพบอาการคันตา แสบตา น้ำมูกไหล คันหู หูอื้อได้ ผู้ป่วยมักมีอาการดังกล่าวเวลาสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และความชื้นในอากาศ
                              การเป็นหวัดบ่อยเป็นลักษณะของโรคแพ้อากาศใช่หรือไม่
            โรคแพ้อากาศจะต่างจากไข้หวัด กล่าวคือ อาการของไข้หวัดจะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ช่วงแรกจะใส ต่อมาจะข้น ระยะเวลาเป็นนาน 3-10 วัน มีไข้หรือไม่มีก็ได้ มีจามบ้างโดยไม่มีอาการคันจมูก ส่วนโรคแพ้อากาศจะมีอาการคันจมูก ร่วมกับน้ำมูกใส ๆ มีอาการคันตา น้ำตาไหล ไม่มีไข้ ซึ่งส่วนมากมักจะมีอาการมากกว่า สัปดาห์ขึ้นไป
                             ความสำคัญในการพบแพทย์ หรือเมื่อใดควรมาพบแพทย์
            ควรพบแพทย์เมื่ออาการเข้าได้กับโรคแพ้อากาศดังที่กล่าวมาแล้ว หรือไม่แน่ใจว่าเป็นโรคแพ้อากาศหรือไม่ เมื่อไปพบแพทย์นอกจากการซักประวัติและตรวจร่างกายแล้ว การตรวจที่ช่วยยืนยันว่าเป็นโรคแพ้อากาศหรือไม่ และแพ้อะไรบ้าง คือการทดสอบทางผิวหนังและการตรวจเลือด ซึ่งผลการตรวจเลือดมีค่าใช้จ่ายสู และไม่ทราบผลทันที  ปัจจุบันนิยมใช้การตรวจทางผิวหนังเป็นหลัก สามารถช่วยให้ผู้ป่วยสามารถหลีกเลี่ยงจากสารก่อภูมิแพ้ ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจมีภาวะแทรกซ้อน คือ โรคไซนัสอักเสบ โรคริดสีดวงจมูก และโรคหอบหืด เป็นต้น
                                            การรักษาในปัจจุบันมีกี่วิธี 
หลักการรักษาในปัจจุบันจะมี ลักษณะ คือ
การกำจัดและหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้และการดูแลรักษาสุขภาพตนเอง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
การรักษาด้วยยากินและยาพ่นจมูก
การฉีดวัคซีนเพื่อรักษาโรคภูมิแพ้
            สำหรับระยะเวลาในการรักษาไม่สามารถบอกได้ชัดเจน ขึ้นอยู่กับว่าสามารถหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ได้  มากน้อยแค่ไหน หากจำเป็นต้องใช้ยาพ่นจมูก ซึ่งสามารถช่วยลดอาการได้ โดยส่วนมากใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน หรือฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ใช้เวลา 3-5 ปีแล้วแต่บุคคล โรคแพ้อากาศสามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็มีโอกาสกลับมาเป็นอีก ขึ้นอยู่กับการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกาย

                                                      วิธีการป้องกัน
            การป้องกันต้องอาศัยความร่วมมือทั้งผู้ป่วยและแพทย์ในการติดตามดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ การดูแลตนเองของผู้ป่วยและดูแลสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมจะช่วยทำให้อาการของโรคทุเลาลงมากจนไม่มีอาการเลย ผู้ที่เป็นโรคแพ้อากาศสามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติและอยู่ร่วมในสิ่งแวดล้อมเดียวกับผู้อื่นได้ ถ้าสามารถปฏิบัติตัวดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

Posted by อาหารนานาชาติ สูตรฟิวชั่น | File under :




ต้มจับฉ่าย

ส่วนผสม
          รากผักชี                                             2 ชิ้น

          กระเทียม                                            1 ช้อนโต๊ะ

          พริกไทยเม็ด                                        1 ช้อนชา

          กระดูกอ่อนหมูเป็นชิ้น                           200 กรัม

          หัวไชเท้า ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้น                1 หัว

          น้ำมันพืชสำหรับผัด

          เห็ดหอมสด 5 ดอก

          ผักคะน้า, ผักกาดขาว, กะหล่ำปลี, ใบขึ้นฉ่าย, ดอกกะหล่ำ, กวางตุ้ง (หรือผักตามชอบ) หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ น้ำหนักรวม                                   500 กรัม

          ซีอิ๊วขาว                                              2 ช้อนโต๊ะ

          ซอสปรุงรส                                          2 ช้อนโต๊ะ

          น้ำตาลปี๊บ                                           2 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ
           1. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่กระดูกอ่อนหมูลงต้มนานประมาณ 20 นาที จากนั้นใส่หัวไชเท้าลงต้มจนเดือด ลดไฟอ่อน เตรียมไว้

           2. โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเข้าด้วยกัน เตรียมไว้

           3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางพอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัดจนหอม ใส่เห็ดหอมลงผัดจนสุก ลดไฟลง ใส่ผักที่เตรียมไว้ลงผัด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส และน้ำตาลปี๊บ ผัดผสมให้เข้ากันจนผักเริ่มสุก ยกลงจากเตา

           4. ตักผักที่ผัดไว้ลงในหม้อน้ำซุป นำขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟปานกลาง เคี่ยวจนผักสุก และนิ่ม ชิมรสตามชอบ ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Posted by อาหารนานาชาติ สูตรฟิวชั่น | File under :




ข้าวหมูแดง


ส่วนผสม
เนื้อหมู                                                          800                       กรัม
(หั่นเป็นเส้นยาว 8 นิ้ว, หนาประมาณ 1.5 นิ้ว)
เหล้าจีนสำหรับปรุงอาหาร                                       2                        ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา                                                           2                        ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล                                                            1                        ช้อนโต๊ะ
เกลือ                                                            1/2                       ช้อนโต๊ะ
ซิอิ๊วดำ                                                        1 1/2                      ช้อนโต๊ะ
ซิอิ๊วขาว                                                          2                         ช้อนโต๊ะ
ซ๊อสมะเขือเทศ                                                  3                         ช้อนโต๊ะ
ไข่ต้ม                                                             2                         ใบ
(ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้น)
แป้งมันสำปะหลัง                                              1/4                        ถ้วยตวง 
(ผสมน้ำให้ละลายเตรียมไว้)
ผักชี (สำหรับแต่งอาหาร)
ผักสดต่างๆ (แตงกวาหั่น, ต้นหอม และอื่นๆ)



วิธีทำ
1. ล้างหมูให้สะอาดจากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำให้แห้ง หมักหมูกับเหล้าจีน, น้ำมันงา, น้ำตาล, เกลือ, ซิอิ๊ว     ดำ, ซิอิ๊วขาว, และซ๊อสมะเขือเทศ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี หมักทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง
2. ใส่น้ำมันลงไปในกระทะและนำไปตั้งไฟร้อนปานกลาง นำหมูที่หมักแล้ว (และน้ำหมัก) ลงไปใน         กระทะ คนเป็นระยะๆ ทิ้งไว้ประมาณ 5 - 10 นาที
3. จากนั้นนำหมูไปใส่ในเตาอบ ใช้ไฟปานกลาง อบทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
4. นำหมูออกจากเตาอบและนำไปหั่นเป็นชิ้นบางๆ พอดีคำ และจัดใส่จานเสริฟไว้
5. วิธีทำน้ำราดหมูแดง : ตั้งน้ำมันในกระทะด้วยไฟร้อนปานกลาง เติมน้ำลงไปหนึ่งถ้วยตวงและน้ำหมัก     หมูที่เหลือในกระทะจากขั้นตอนที่สอง รอจนกระทั่งเดือด จากนั้นจึงเติมน้ำแป้งมันลงไป คนเรื่อยๆ       เพื่อไม่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อน คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีจึงปิดไฟ
6. นำน้ำซ๊อสไปราดบนหมูแดงก่อนเสริฟ และแต่งหน้าด้วยผักชี เสริฟพร้อมไข่ต้ม, ผักสด                   (แตงกวาและต้นห้อม) และข้าวสวยร้อนๆ  พร้อมเสิร์ฟ

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Posted by อาหารนานาชาติ สูตรฟิวชั่น | File under :




ไข้ทับระดู เรื่องจริงที่ผู้หญิงควรรู้


    ไข้ทับระดู เรื่องจริงที่ผู้หญิงควรรู้ (สสส.)

              "ไข้ทับระดู" ในอดีตอาจเป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับผู้หญิง !! บางคนเป็นแล้วถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการมีเพศสัมพันธ์แล้วได้รับเชื้อกามโรคจากคู่นอนหรือสามี แต่ในปัจจุบัน เมื่อได้ยินชื่อของโรคแล้วผู้หญิงคิดถึงเพียงแต่ว่าเป็นโรคที่มีอาการป่วย เป็นไข้ ไม่สบายในช่วงเวลาของการมีประจำเดือน บางคนแค่กินยาแก้ปวดลดไข้ธรรมดาก็หาย ในขณะที่บางคนทานยาแล้วอาการกลับไม่ดีขึ้น
           
                 จากการได้พูดคุยกับ รศ.นพ.วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า ไข้ทับระดูสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ได้แก่ 
              
                   ไข้ทับระดูที่ไม่มีสภาวะอื่นแอบแฝง โดยจะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดภายหลังทานยาแก้ ปวดลดไข้ก็หายได้ สาว ๆ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิงที่เกิดขึ้นระหว่างมีประจำเดือนซึ่งบางครั้งอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือปวดประจำเดือนร่วมด้วย

                  ไข้ทับฤดูที่มีสภาวะโรคแอบแฝง จะมีอาการไข้ขึ้นสูงหนาวสั่น ปวดหลัง คลื่นไส้ อาเจียน และปวดท้องน้อย มีตกขาวปนหนองออกมาระหว่างมีประจำเดือน ซึ่งบางครั้งประจำเดือนอาจมีมากผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น หากมีอาการจะรุนแรงมากขึ้นในทุก ๆ รอบเดือนนั่นเป็นสัญญาณของโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง

                  เนื่องจากขณะมีประจำเดือนร่างกาย มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น เอสโตเจนและโปรเจสเตอโรน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ระบบร่างกายเสียสมดุล มีภูมิต้านทานลดน้อยลงจึงมีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อง่ายกว่าปกติ อีกทั้งมีโอกาสติดเชื้อในมดลูก และปีกมดลูกได้มากกว่าปกติอีกด้ว ซึ่งกล่าวได้ว่า "ไข้ทับระดู" หรือทางการแพทย์เรียกว่า "โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง" เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์หรือการไม่รักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น 

                      นอกจากนี้ ยังเป็นที่มาของ "โรคปีกมดลูกอักเสบ" ที่เกิดจากการได้รับเชื้อแบคทีเรียตัวเดียวกัน ทางการแพทย์เรียกเชื้อแบคทีเรียนี้ว่า "คลามีเดีย" เชื้อที่ว่านี้จะเข้าไปทำลายท่อรังไข่ หรืออวัยวะใกล้เคียงได้ หากไม่ได้รับการรักษาจะเกิดการอักเสบของอุ้งเชิงกรานสูงถึงร้อยละ 40 ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา เช่น เป็นหมัน มีบุตรยากหรือเสียชีวิตได้ในที่สุด โดยมักจะเกิดกับผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 25 ปี เนื่องจากปากมดลูกยังไวต่อการติดเชื้อนั่นเอง
                        ไม่เพียงเท่านี้อาการแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกคือ เกิดฝีหนองในอุ้งเชิงกรานที่ส่งผลให้ไข้เพิ่มสูงขึ้นและมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง บางรายหนองแตกในท้องต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาหนองออก หรือไม่ก็ใช้วิธีการให้ยาฆ่าเชื้อปฏิชีวนะแทนหากอาการไม่รุนแรงมากนัก  

                        สำหรับระดับความรุนแรงของโรคไข้ทับระดูหรือโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรังในแต่ละช่วงวัย หากเปรียบเทียบระหว่างผู้ใหญ่อายุ 40 ขึ้นปีขึ้นไป ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายย่อมทำงานได้ไม่เต็มที่เมื่อเทียบกับเด็กสาวที่ อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ระบบภูมิคุ้มกันย่อมดีกว่า เมื่อสภาพร่างกายแข็งแรงการฉีดยาระหว่างมีประจำเดือนย่อมไม่ส่งผลให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ขณะเดียวกันจะพบว่าช่วงวัยเจริญพันธุ์มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรังสูงกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนั่นเอง
Posted by อาหารนานาชาติ สูตรฟิวชั่น | File under :






สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ




ส่วนผสม
เนื้อหมูสับ                                          200                  กรัม
มะเขือเทศแกะเม็ดออกสับ                  6                    ช้อนโต๊ะ
หอมหัวใหญ่สับ                                  1/2                  ผล
ซอสมะเขือเทศ                                  1/2                  ถ้วยตวง
กระเทียมสับ                                         1                   ช้อนชา
เกลือป่น                                             1/4                  ช้อนชา
พริกไทยป่น                                          1                   ช้อนชา
น้ำตาลทรายขาว                                   2                   ช้อนชา
เส้นสปาเก็ตตี้                                     100                  กรัม
ใบโหระพาสับ                                       4                    ใบ
เนยสด                                                  3                    ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
1. นำเส้นสปาเก็ตตี้ต้มสุก แช่น้ำเย็นสักครู่ สะเด็ดน้ำออก คลุกกับน้ำมันพืช พักทิ้งไว้
2. นำกระทะตั้งไฟให้ร้อน ใส่เนยสด เนื้อหมูสับ มะเขือเทศสับ หอมใหญ่สับ ซอสมะเขือเทศ พริกไทยป่น     น้ำตาลทรายขาว เกลือป่น กระเทียมสับและใบโหระพาสับ ผัดให้เข้ากันจนสุก ตักใส่ภาชนะ
3. นำเส้นสปาเก็ตตี้ใส่จาน ตักซอสหมูสับราดหน้า ตกแต่งด้วยใบโหระพาให้สวยงามน่ารับประทาน

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Posted by อาหารนานาชาติ สูตรฟิวชั่น | File under :




กุ้งนึ่งมะนาว


ส่วนผสม
กุ้ง                                                            8                            ตัว
มะนาว                                                      1                            ลูกใหญ่
กระเทียมหัวใหญ่สับ                                   1                            หัว
พริกขี้หนูบดตำละเอียด                              10                           เม็ด
น้ำปลาอย่างดี                                            3                            ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล                                                      1                            ช้อนโต๊ะ
สะระแหน่เอาไว้โรยแต่งหน้า



วิธีทำ
 1.นำกุ้งที่ซื้อมาแกะตัว ล้างให้สะอาด แงะผ่าหลังกุ้งเอาเส้นสีดำออกแผ่ จัดเรียงใส่จานไว้ให้สวยงาม
 2.ทำน้ำยำเอาไว้ราด ผสมน้ำมะนาว น้ำปลา กระเทียม พริกขี้หนูจัดการปรุงรส น้ำตาลทรายคนส่วนผสม     ให้เข้ากันให้รสเปรี้ยวนำเค็มหวานตาม 
 3.เอากุ้งไปนึ่งไม่นานก็สุก จัดเรียงใส่ลงจานสำหรับเสิร์ฟ ราดน้ำยำลงบนตัวกุ้ง โรยด้วยใบสะระแหน่ 



***น่ารับประทานมากค่ะ ลองไปทำรับประทานดูนะคะ หน้าตาเป็นยังไงเอามาชมมาอวดกันได้ในเพจของเรานะคะ

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Posted by อาหารนานาชาติ สูตรฟิวชั่น | File under :








ก๋วยจั๊บ

ส่วนผสม
เส้นก๋วยจั๊บ                                         1                   กิโลกรัม
ตับหมู                                              ½                  กิโลกรัม
ไส้ใหญ่หมู                                        ½                  กิโลกรัม
ปอดหมู                                             2                  พวง
หนังหมู                                            ½                  กิโลกรัม
เต้าหู้ทอด                                          2                  พวง
หมูกรอบชิ้นยาว                                   2                  ชิ้น
พริกไทยขาวเป็นเม็ด                            30                 เม็ด
แป้งข้าวเจ้า                                       10                 ช้อนโต๊ะ
ไข่ต้ม                                               20                 ฟอง
กระเทียมบุบ                                       6                  หัว
น้ำตาลปี๊บ                                          2                  ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น                                            ½                 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว                                             2                  ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำ                                              ½                 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
1. เตรียมเส้นก๋วยจั๊บก่อน ด้วยการนำเส้นก๊วยจั๊บมาต้มกับน้ำซุปจนกระทั่งเส้นนิ่มได้ที่แล้วให้นำแป้งข้าวเจ้ามาละลายกับน้ำใส่ลงเคี่ยวในหม้อให้ข้นแต่อย่าให้เหนียว ปิดไฟพักไว้
2. ทำน้ำพะโล้ด้วยการต้มน้ำ ใส่กระดูกหมูลงไปเคี่ยวสักครู่พอให้หวานน้ำต้มกระดูกหมู แล้วใส่โป๊ยกั๊ก รากผักชี อบเชย พริกไทยเม็ด กระเทียมบุบพอแหลก เกลือ น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ รอให้น้ำเดือด แล้วจึงใส่เครื่องในหมู ตับหมู ปอดหมู หนังหมู และไข่ต้มลงไป เคี่ยวต่อไปด้วยไฟอ่อน 
3.รอจนตับหมูเริ่มสุกให้ตักขึ้นมาก่อน เนื่องจากตับจะเป็นส่วนที่สุกเร็วที่สุด นอกนั้นให้เคี่ยวต่อไปจนเปื่อยแล้วจึงค่อยตักขึ้นมาใส่ในภาชนะหั่นเป็นชิ้นๆ พอดีคำ (กรณีถ้าใส่เลือดหมูให้ใส่หม้อต้มท้ายสุดเพราะเลือดหมูสุกอยู่แล้ว)
4.รับประทานตักเส้นใส่ชาม ใส่เครื่องในต่างๆ ไข่ต้ม แล้วราดน้ำซุปพะโล้แต่งหน้าด้วยผักชี ปรุงรสเพิ่มด้วย น้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มสายชูและพริกป่นตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ

วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Posted by อาหารนานาชาติ สูตรฟิวชั่น | File under :






กระเพาะปลาเห็ดหอม




ส่วนผสม
  • กระเพาะปลา ประมาณ                                                 1-2                      ขีด 
  • ไก่ต้มฉีกเป็นฟอยๆ พอประมาณ
  • เนื้อปูทะเลเกะเปลือกแล้ว                                             2                        ขีด
  • หน่อไม้ ประมาณ                                                           3                         ขีด 
  • เห็ดหอมล้างและแช่น้ำ                                               5-7                        ดอก
  • เลือดไก่หั่นเป็นชิ้นๆ พอประมาณ
  • ไข่นกกระทาต้มประมาณ                                             5-6                       ลูก
  • น้ำซุป                                                                            10                        ถ้วยตวง
  • แป้งข้าวโพด                                                                  1                         ถ้วยตวง
  • พริกไทย                                                                       1-2                       ช้อนชา
  • ซอสแมกกี้                                                                    1/4                      ถ้วย
  • ซีอิํวขาว                                                                        1/2                      ถ้วย
  • ซีอิ๊วดำ                                                                            2                       ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ
  1. นำน้ำซูปขึ้นตั้งไฟให้เดือด ใส่กระเพาะปลาต้มให้นุ่ม
  2. หลังจากนั้นใส่ส่วนผสม คือ หน่อไม้  เห็ดหอม  เลือดไก่  ไข่ต้ม  ไก่ฉีก  เนื้อปู  ลงในหม้อ
  3. เมื่อส่วนผสมสุกได้ที่แล้วให้ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ แมกกี้
  4. นำแป้งละลายน้ำ แล้วเทใส่ในหม้อ ดูให้พอข้น  แล้วยกขึ้น
  5. ก่อนรับประทานให้โรยด้วยพริกไทย ผักชี 
  6. เมื่อเสร็จแล้ว จัดเครื่องปรุง เช่น พริกป่น น้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มสายชู เป็นต้น ไว้สำหรับคนที่อยากปรุงรสชาติใหม่ 
  7. พร้อมเสิร์ฟ

วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Posted by อาหารนานาชาติ สูตรฟิวชั่น | File under :

เค้กช็อกโกแลต


ส่วนผสม
แป้งเค้ก                                                                  3                               ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายป่นละเอียด                                         3                               ช้อนโต๊ะ 
(จะใช้น้ำตาลทรายธรรมดาก็ได้ค่ะ แต่ตอนกวนส่วนผสมให้เข้ากัน ต้องแน่ใจว่าน้ำตาลละลายหมด ไม่งั้นจะมีส่วนที่เนื้อเค้กหวานปะแหล่มๆนะคะ)
เบกกิ้งโซดา                                                          1/4                             ช้อนชา
ผงโกโก้                                                                  1                               ช้อนโต๊ะ
เกลือ                                                                     1/8                             ช้อนชา
ไข่ไก่                                                                       1                                ฟอง
น้ำมันพืช                                                                 2                              ช้อนโต๊ะ 
(แนะนำว่าควรใช้น้ำมันพืชที่ไม่มีกลิ่นแรง เช่น น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันคาโนล่า หลีกเลี่ยงน้ำมันที่มีกลิ่นแรง เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะกอก เป็นต้น )
นมสด                                                                     2                               ช้อนโต๊ะ 
(นมพาสเจอร์ไรซ์ทั่วไปที่ขายเป็นขวดๆตามร้านสะดวกซื้อ)
กลิ่นวานิลลา                                                          1/4                             ช้อนชา
ช็อคโกแลตชิพ หรือ ช็อคโกแลตบาร์หั่นเป็นชิ้นเล็กๆก็ได้



วิธีทำ
1.เอาแป้งเค้ก น้ำตาลทรายป่น ผงโกโก้ เบกกิ้งโซดา เกลือ มาคลุกรวมกันในถ้วยกาแฟ
2.ใส่ไข่ไก่ แล้วคนให้ให้ทุกอย่างเข้ากัน คนให้แรงๆเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันหน่อยนะคะ
3.เติมน้ำมันพืช นมสด และกลิ่นวานิลลาลงไปแล้วกวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
4.เติมช็อคโกแลตชิพหรือชอคโกแลตบาร์หั่นลงไปตามใจชอบ ถ้าใส่เยอะเนื้อเค้กจะเหลวและนิ่มมากขึ้น
อาจจะเติมพวกถั่วแมคคาเดเมีย พิทาชิโอ อัลมอนด์ หรือลูกเกดลงไปด้วยก็ได้
5.เอาไปเข้าไมโครเวฟความร้อนสูงสุด ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที แล้วแต่ความแรงของไมโครเวฟ และความชอบของคนกิน ถ้าชอบเนื้อเค้กนิ่มๆ ก็ไม่ต้องเวฟนานมาก เอาแค่พอหน้าเค้กดูสุกดีก็ใช้ได้ แต่ถ้าชอบเนื้อเค้กแน่นๆ เผื่อจะเอาไปราดทอปปิ้งเพิ่มก็เวฟนานขึ้นหน่อยนะคะ
6.ตกแต่งหน้าเค้กตามชอบ พร้อมเสิร์ฟค่ะ

บทความด้านสุขภาพ

Coming soon